6 ข้อควรรู้ ก่อนเริ่มจ้างบริษัทออกแบบตกแต่งภายใน

6 ข้อควรรู้ ก่อนเริ่มจ้างบริษัทออกแบบตกแต่งภายใน

ออกแบบตกแต่งภายใน
ในเรื่องของการออกแบบตกแต่งภายในไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยอย่างบ้านหรือร้านค้า หลายคนอาจจะมีแบบที่ใฝ่ฝันและอยากได้อยู่แล้ว แต่ถึงแม้ว่าจะคิดไว้แล้วก็อาจยังไม่เป็นที่พอใจ เนื่องจากอาจจะติดปัญหาในการเลือกใช้สีเพราะในหนึ่งสียังมีเฉดสีให้เลือกอีกหลายเฉดสีด้วยกัน เช่น ชมพูอ่อน ชมพูเข้ม ชมพูบานเย็น ชมพูพาสเทล เป็นต้น หรือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งภายในต่างๆ แม้กระทั่งการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยอย่างไรให้ตรงตามความต้องการ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพราะสามารถแก้ไขได้ด้วยการจ้างบริษัท ออกแบบตกแต่งภายใน แต่การเลือกว่าจ้างบริษัทออกแบบตกแต่งภายในไม่สามารถเลือกบริษัทอะไรก็ได้มาทำ เพราะอาจเกิดปัญหาเกิดขึ้นในภายหลังได้ เช่น การทิ้งงาน การใส่สเปคให้ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม รวมไปถึงการได้นักออกแบบที่เป็นมืออาชีพไม่มากพอที่จะสร้างสรรค์งานออกแบบออกมาให้สวยถูกใจ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ออกแบบร้าน.com ได้รวบรวมข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจว่าจ้างบริษัทออกแบบตกแต่งภายในมาให้ทราบกัน ลองศึกษาได้จากบทความนี้เลย

1. เลือกบริษัทออกแบบตกแต่งภายในที่มีมาตรฐาน

การเลือกบริษัทออกแบบตกแต่งภายในที่ได้มาตรฐานสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง ดังนี้

  • ประสบการณ์และผลงานของบริษัทออกแบบตกแต่งภายใน สามารถประเมินได้จากผลงานในการทำงานที่ผ่านมาว่ามีเพียงพอที่จะสามารถการันตีคุณภาพงานที่เคยทำมาได้หรือไม่ โดยบริษัทควรแสดงผลงานให้ดูเพื่อประกอบการตัดสินใจ และเพื่อดูได้ว่ามีผลงานหรือมีคอนเซ็ปต์ที่ตรงกับความต้องการหรือไม่
  • แบ่งขั้นตอนการทำงานหรืองวดชำระเงินที่ชัดเจน เพื่อประเมินได้ว่าในขั้นตอนแต่ละส่วนนั้นทำอะไรบ้าง และเพื่อประเมินระยะเวลาแล้วเสร็จได้อย่างถูกต้อง รวมไปถึงการแบ่งงวดชำระเงินที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการทิ้งงานหรือตามงานไม่ได้ซึ่งเป็นปัญหาที่มักพบได้บ่อยในการจ้างบริษัทออกแบบตกแต่งภายในเลยทีเดียว

ที่สำคัญสามารถนำชื่อบริษัทตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัทออกแบบตกแต่งภายในแห่งนี้มีตัวตนจริงและสามารถตรวจสอบได้

บริษัทออกแบบตกแต่งภายใน

2. การเตรียมข้อมูลพื้นที่ให้นักออกแบบตกแต่งภายใน

การเตรียมข้อมูลพื้นที่ที่ครบถ้วนให้นักออกแบบตกแต่งภายในจะสามารถช่วยลดระยะเวลาในการดำเนินการและช่วยให้นักออกแบบตกแต่งภายในทำงานได้งานมากยิ่งขึ้น โดยการเตรียมข้อมูลพื้นที่หลักๆ มี 2 ข้อ ดังนี้

  • ขนาดพื้นที่ โดยทั่วไปมักให้ขนาดพื้นที่เป็นหน่วยตารางเมตร โดยการวัดความกว้างและความยาวเป็นเมตร แล้วนำมาคูณกันจะได้เป็นหน่วยตารางเมตรที่ต้องการ
  • ภาพถ่ายหน้างาน ในส่วนของการถ่ายภาพหน้างานควรถ่ายให้ครบทุกมุมเท่าที่เป็นไปได้ โดยการถ่ายจากภาพภายนอกหรือภาพหน้าร้าน ตามตัวภาพภายในร้านตามมุมต่างๆ หรือหากทำได้สามารถถ่ายภาพพร้อมระบุขนาดในภาพประกอบไปด้วยก็ได้เพื่อความสะดวกและเข้าใจโดยง่ายให้แก่นักออกแบบตกแต่งภายในนั้นเอง

3. เตรียมข้อมูลหรือแบบตัวอย่างออกแบบตกแต่งภายในที่ต้องการ

เตรียมข้อมูลหรือแบบตัวอย่างที่ชอบเพื่อบอกความต้องการหรือรูปแบบที่ต้องการให้กับนักออกแบบ เช่น สไตล์หรือโทนสีที่ต้องการ หากยังไม่มั่นใจหรือยังไม่มีแบบที่ต้องการที่ชัดเจน สามารถปรึกษากับผู้ออกแบบได้ว่ามีแนวทางในออกแบบให้อย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่จะประเมินจากอายุ ไลฟ์สไตล์ จำนวนลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ หรือจุดประสงค์ของการตกแต่งภายในว่าเป็นร้านประเภทไหน ร้านขายอะไร เป็นคาเฟ่หรือออฟฟิศสำนักงาน ฉะนั้นหน้าที่ในการว่าจ้าง คือ การอธิบายข้อมูลหรือรายละเอียดที่ต้องการให้ชัดเจนเพื่อให้นักออกแบบทราบถึงความต้องการ โดยหากมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจง เช่น ความต้องการที่จะใช้วัสดุใดวัสดุนึงเป็นพิเศษสามารถให้นักออกแบบตกแต่งภายในออกแบบมาให้สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับวัสดุนั้นได้

บริษัทออกแบบตกแต่งภายใน

4. แจ้งความต้องการในการใช้พื้นที่ให้นักออกแบบตกแต่งภายใน

บริษัทออกแบบตกแต่งภายใน

การออกแบบร้าน ให้มีความสะดวกสบายในการใช้สอยนั้นขึ้นอยู่กับการออกแบบพื้นที่อย่างคุ้มค่าและถูกจุดประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งสิ่งที่ควรแจ้งให้นักออกแบบตกแต่งภายในทราบนั้นก็คือ การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ภายในร้าน โดยสามารถแจ้งความต้องการเบื้องต้นได้ ดังนี้

  • ทิศทางการเดินเข้าออกร้าน
  • จำนวนลูกค้าที่นั่งภายในร้าน
  • จำนวนพนักงานในร้าน
  • กำหนดพื้นที่สำหรับครัว
ทั้งนี้เพื่อให้นักออกแบบออกแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อการใช้สอยสูงสุด
บริษัทออกแบบตกแต่งภายใน

5. แจ้งงบประมาณหรือค่าใช้จ่ายที่ตั้งไว้

การกำหนดประมาณเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการออกแบบตกแต่งภายในเนื่องจากการออกแบบสามารถออกแบบให้ราคาประหยัดก็ได้ หรือแพงมากก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบดีไซน์ความยากง่ายในการจัดทำหรือก่อสร้าง และที่สำคัญรวมไปถึงวัสดุที่นักออกแบบเลือกนำมาใช้ในงาน เพราะวัสดุบางอย่างอาจมีราคาสูงและหาได้ยาก บางครั้งอาจจะต้องสั่งผลิตใหม่ไม่สามารถหาซื้อสำเร็จรูปทั่วไปได้จึงทำให้มีราคาที่สูงเป็นพิเศษ ซึ่งหากเรากำหนดงบประมาณที่ต้องการมาแล้วจะสามารถช่วยให้นักออกแบบตกแต่งภายในออกแบบให้อยู่ในงบและไม่บานปลายได้ โดยการออกแบบให้อยู่ในงบนั้นสามารถทำได้โดยการเลือกใช้วัสดุทดแทน หรือออกแบบโดยเน้นการใช้สีและแสงมากกว่าการดีไซน์ที่ต้องจัดทำหรือสั่งผลิตชิ้นงานยากเกินไป

บริษัทออกแบบตกแต่งภายใน

6. แจ้งข้อจำกัดในการออกแบบตกแต่งภายใน (หากมี)

ในบางพื้นที่อาจมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่งานห้างสรรพสินค้า พื้นที่งานอาคารพาณิชย์ หรือรวมไปถึงพื้นที่งานในตลาด เนื่องจากอาจมีกรณีที่เจ้าของพื้นที่ต้องการให้คงเฟอร์นิเจอร์เดิมบางอย่างไว้ เสาเดิมบางต้นไว้ หรืออื่นๆ ที่เป็นความต้องการให้คงเดิมไว้ โดยการแจ้งนักออกแบบให้ทราบเรื่องข้อจำกัดเหล่านี้จะช่วยให้การออกแบบเป็นไปได้ง่ายและสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญยังทำให้ภาพรวมเป็นไปในทิศทางเดียวกันอีกด้วย

สรุปได้ว่าการเตรียมตัวก่อนจ้างบรษัทออกแบบตกแต่งภายในนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแจ้งรายละเอียดตามข้างต้นที่กล่าวมา นอกจากจะสามารถช่วยให้เราคัดกรองบริษัทที่จะรับผิดชอบงานได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ยังสามารถช่วยให้ได้รับงานที่ตอบโจทย์มากที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด ยังสามารถช่วยควบคุมงบประมาณต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ซึี่งในเรื่องของการออกแบบตกแต่งภายในไม่ว่าจะเป็นพื้นที่อประเภทไหน เช่น พื้นที่งานห้างสรรพสินค้า พื้นที่งานอาคารพาณิชย์ หรือรวมไปถึงพื้นที่งานในตลาด อาจกังวลได้ว่าบริษัทจะไม่รับผิดชอบหรืองานไม่เป็นที่พอใจ เราจึงได้รวบรวม ุ ข้อที่สำคัญเพื่อเตรียมตัวจ้างบริษัทออกแบบตกแต่งภายในไว้ให้อย่างครบถ้วน เพื่อปัญหาที่เป็นกังวลหมดไป อย่างไรก็แล้วแต่การจ้างบริษัท ออกแบบตกแต่งภายใน เป็นทางเลือดที่ดีกว่าการว่าจ้างช่างทั่วไปที่ไม่มีประสบการณ์มาดูแลรับผิดชอบนกจากจะไม่สามารถทำผลงานให้ตรงตามแบบที่คิดไว้ได้แล้ว อาจทำให้เสียเวลา เสียเงินมากก็ได้ 

ดังนั้น ออกแบบร้าน.com ขอเป็นทางเลือกหนึ่งในการให้บริการออกแบบตกแต่งครบวงจร รับรองได้ว่าแบบร้านสวยมีมาตรฐาน ออกแบบโดยมืออาชีพ รับผิดชอบดูแลตั้งแต่ต้นจนเปิดร้านแน่นอน

เส้นคั่นหน้าเว็บ ออกแบบร้าน

ผลงานออกแบบตกแต่งภายใน และ ก่อสร้าง

เส้นคั่นหน้าเว็บ ออกแบบร้าน

สาระน่ารู้การออกแบบและเปิดร้าน